พี่น้องครับ วิเคราะห์งบอิชิตัน เพื่อตอบคำถามว่า ใครได้ใครเสียประโยชน์จากโป รโมชั่นเบนซ์ของอิชิตันครับ
ราคาขายอิชิตันที่เซเว่นอยู ่ที่ขวดละ 11-16 บาท สมมติเฉลี่ยประมาณ 13 บาท โดย 7-11 คิดอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 21.7% ดังนั้นราคาขายส่งต่อขวดคือ 10.17 บาทครับ
อิชิตันมียอดขาย Q2 เป็นเงิน 2,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นผลโดยตรงจากโป รโมชั่นเบนซ์ที่จัดใน Q2 ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเอายอดขาย Q2 หารด้วยราคาขายส่งต่อขวดก็ห มายความว่า Q2 อิชิตันขายชาเขียวคิดเป็นขว ดได้เท่ากับ 207 ล้านขวด ซึ่งบริษัทมีกำลังการผลิตปี ละ 600 ล้านขวด + 200 ล้านกล่อง การโปรโมชั่นแรงๆ ย่อมสร้างผลดีกับบริษัทเป็น อย่างมาก เนื่องจากจะทำให้ใช้กำลังกา รผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อดูจากยอดขาย 207 ล้านขวดในไตรมาส 2 แปลว่าบริษัทน่าจะเข้าใกล้ก ำลังการผลิตสูงสุด ต้นทุนต่อหน่วยจึงต่ำลง (อัตราต้นทุน Q2 เหลือ 61% เทียบกับ 64% ใน Q1)
ราคาขายอิชิตันที่เซเว่นอยู
อิชิตันมียอดขาย Q2 เป็นเงิน 2,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นผลโดยตรงจากโป
ถ้าเอา “ยอดขายส่วนเพิ่ม” ของไตรมาส 2 ประมาณ 250 ล้านบาท หักกับต้นทุนขาย 117 ล้านบาท ก็ยังเหลือตั้ง 133 ล้านบาทที่สามารถเอาไปใช้จ่ ายทางการตลาด โดยบริษัทนำไปจ่ายค่าใช้จ่า ยในการขาย 115 ล้านบาทซึ่งก็น่าจะเป็นค่าเ บนซ์ จึงพอสรุปได้ว่าบริษัทเอาเง ินยอดขายชาเขียวที่เพิ่มขึ้ นมาซื้อเบนซ์จับฉลาก… ไม่ได้ชักเนื้อตัวเองครับ… แต่ได้ผลประโยชน์ที่สามารถร ักษายอดขาย และรักษากำไรจำนวน 316 ล้านบาทไว้ไม่ให้ลดลงครับ
อย่างไรก็ตามถ้ามองในมุมผู้ ถือหุ้น เมื่อเห็นการโปรฯ แรงๆ ไม่ได้สร้างผลกำไรให้มากขึ้ นจะมีประเด็นให้เราคิดต่อไป ไหม?
อย่างไรก็ตามถ้ามองในมุมผู้
ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่ า ธุรกิจของบริษัทยั่งยืนหรือ ไม่ ถ้าไม่มีโปรฯ แรงๆ แล้วยอดขายของบริษัทจะเป็นอ ย่างไร? ตรงนี้รออีกสักนิดนะครับ ให้ดูที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่จัดโปรฯ ไม่ค่อยโดนใจชาวบ้านเท่าไร (แค่ 30 ล้านบาท) แล้วลองดูว่ายอดขายจะเปลี่ย นไปแบบไหน แต่ถ้าให้เดาก็คิดว่ายอดขาย น่าจะหล่นฮวบ ซึ่งผมว่าน่าจะเอาเงินไปซื้ อหุ้น “CPALL” (7-11) ดีกว่า ซึ่งในงบอิชิตันเปิดเผยข้อม ูลว่า “ลูกค้ารายใหญ่สุด” ซื้อของจากอิชิตันใน Q2/ 2558 จำนวน 1,762 ล้านบาท เข้าใจว่าน่าจะเป็น 7-11 และถ้าลูกค้ารายนั้นคือ 7-11 จริงก็แปลว่า 7-11 ได้กำไรจากอิชิตันแบบไม่ต้องออก แรงตั้ง 370 ล้านบาท … แถมไม่ต้องโดนด่าเจ็บๆ ด้วยครับ
แล้วถ้ามองในมุมคนกินชาเขีย ว ถ้าเราจ่ายซื้อ 1 ขวด 13 บาท แล้วใครจะได้อะไรไปเท่าไร?
แล้วถ้ามองในมุมคนกินชาเขีย
คำตอบก็คือ 7-11 ได้กำไร 3 บาท คนกินได้กินน้ำหวานต้นทุน 5 บาท เป็นค่าการตลาด (สมทบทุนซื้อเบนซ์ ค่าโฆษณา ค่า SMS ฯลฯ) 4 บาท …. อิชิตันเหมือนจะใจดีนะครับ แต่ก็เอาเงินของคนกินชาเขีย วไปซื้อรถมาจับฉลากให้คนกิน ชาเขียวครับ…. คนที่ได้เนื้อๆ ก็คงเป็นร้านค้าปลีก กับ อิชิตันที่ได้กำไรไปเต็มๆ ส่วนคนกินก็ได้กินน้ำตาล ผสมกลิ่น ผสมเบาหวาน ที่มีต้นทุนผันแปรขวดละ 5 บาทครับ โดยจ่ายเงินไป 13 บาทครับ
คำถามสุดท้ายครับ ถ้าหวังเสี่ยงโชคแล้วคุ้มหร
คำตอบก็คือ ยอดขายของไตรมาส 2,106 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนขวดที่ขายได้ 207 ล้านขวด โดยมีจำนวนรางวัล 50 รางวัล ดังนั้น อัตราการถูกรางวัลคือ 1 รางวัล : 4.14 ล้านขวดครับ!!!!… ซึ่งถ้าพี่น้องซื้อทุกวันๆ ละ 10 ขวดไปจนตายโอกาสถูกรางวัลก็ ยังไม่ถึงร้อยละ 1 ครับ ถ้าหวังเสี่ยงโชคขอเรียนว่า เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า ซื้อหวยรัฐก็ได้ ตอนนี้ลดมาเหลือใบละ 80 บาทเท่านั้น (แต่ถ้าให้ดีเอาไปลงทุนทางอ ื่นดีกว่า การพนันไม่ได้ให้ประโยชน์แก ่ใครเลยนอกจากเจ้ามือครับ)
สรุปนะครับ การวิเคราะห์ข้างต้นจะบอกกั บพี่น้องว่า การที่เราจ่ายเงินไป 13 บาทเราจะได้อะไรถ้ากระหายน้ำ นานๆ กินทีก็ OK นะครับ แต่ถ้ากินเพื่อหวังเสี่ยงโช คก็น่าจะไม่ใช่ทางเลือกที่ด ีพอ และถ้าไม่ระวังก็อาจได้โรคภ ัยไข้เจ็บมาเป็นของแถมด้วยค รับผม
.........................
ปล. นี่เป็นการวิเคราะห์จากข้อม ูลที่เผยแพร่สาธารณะล้วนๆคร ับผมไม่มีโอกาสรู้ตัวเลขภาย ใน ผลวิเคราะห์อาจคลาดเคลื่อนไ ปจากข้อเท็จจริงได้ หากอ่านแล้วรู้สึกขัดแย้งก็ ต้องขออภัยนะครับ
สรุปนะครับ การวิเคราะห์ข้างต้นจะบอกกั
.........................
ปล. นี่เป็นการวิเคราะห์จากข้อม
ที่มา: ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก facebook คุณ Somsak Pratomsrimek https://www.facebook.com/photo.php?fbid=916476481723417&set=a.191516504219422.37140.100000832203376&type=3&theater